ป้ายกำกับ
- กฏแห่งกรรม (140)
- ชาดก (162)
- พทุธประวัติ (20)
- พระพุทธศาสนาจากพระโอษฐ์ (145)
- พระอริยสงฆ์ (4)
- ร่มไทร (11)
- วันสำคัญทางศาสนา (8)
- อานิสงส์ผลบุญ (40)
ผู้ติดตาม
อะไรเกิดขึ้นเมื่ออวิชชาดับ
17:49 |
เขียนโดย
Gang of 4wd |
แก้ไขบทความ
ปัญหา เมื่ออวิชชาซึ่งเป็นต้นเค้าของทุกข์ดับไปแล้ว อะไรจะเกิดขึ้น ?
พุทธดำรัสตอบ “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในกาลใดแลภิกษุละอวิชชาได้แล้ว วิชชาเกิดขึ้นแล้ว ในกาลนั้นภิกษุนั้นก็ไม่ทำกรรมเป็นบุญ ไม่ทำกรรมเป็นบาป ไม่ทำกรรมเป็นอเนญชา... เมื่อไม่ทำ เมื่อไม่จงใจ ก็ไม่ถือมั่นอะไร ๆ ในโลก เมื่อไม่ถือมั่น ก็ไม่สะดุ้งกลัว เมื่อไม่สะดุ้งกลัว ก็ปรินิพพานเฉพาะตนย่อมทราบชัดว่า
ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่สงบแล้ว... ภิกษุนั้น ถ้าเสวยสุขเวทนา ก็รู้ชัดว่า สุขเวทนานั้นไม่เที่ยง อันคนไม่ยึดถือแล้วด้วยตัณหา ไม่เพลิดเพลินแล้วด้วยตัณหา ถ้าเสวยทุกขเวทนา... อทุกขมสุขเวทนา ก็รู้ว่าทุขเวทนานั้น.... อทุกขมสุขเวทนานั้นไม่เที่ยง ไม่ยึดถือ... ไม่เพลิดเพลินด้วยตัณหา ภิกษุนั้น ถ้าเสวยสุขเวทนา... ทุกขมเวทนา อทุกขมสุขเวทนาก็วางเฉยเสวยไป... เมื่อเสวยเวทนาที่ปรากฏ ทางกาย ก็รู้ชัดว่า เราเสวยเวทนาที่มีกายเป็นที่สุด เมื่อเสวยเวทนาที่ปรากฏทางชีวิต ก็รู้ชัดว่าเราเสวยเวทนาที่มีชีวิตเป็นที่สุด รู้ชัดว่าเวทนาทั้งปวงอันตัณหาไม่เพลิดเพลินแล้ว จักเป็นของเย็น สรีรธาตุจักเหลืออยู่ในโลกนี้เท่านั้น ตั้งแต่สิ้นชีวิตเพราะความแตกแห่งกาย”
ปริวีมังสนสูตร นิ. สํ. (๑๙๒)
ตบ. ๑๖ : ๙๙-๑๐๐ ตท. ๑๖ : ๙๑
ตอ. K.S. II : ๕๗-๕๘
พุทธดำรัสตอบ “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในกาลใดแลภิกษุละอวิชชาได้แล้ว วิชชาเกิดขึ้นแล้ว ในกาลนั้นภิกษุนั้นก็ไม่ทำกรรมเป็นบุญ ไม่ทำกรรมเป็นบาป ไม่ทำกรรมเป็นอเนญชา... เมื่อไม่ทำ เมื่อไม่จงใจ ก็ไม่ถือมั่นอะไร ๆ ในโลก เมื่อไม่ถือมั่น ก็ไม่สะดุ้งกลัว เมื่อไม่สะดุ้งกลัว ก็ปรินิพพานเฉพาะตนย่อมทราบชัดว่า
ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่สงบแล้ว... ภิกษุนั้น ถ้าเสวยสุขเวทนา ก็รู้ชัดว่า สุขเวทนานั้นไม่เที่ยง อันคนไม่ยึดถือแล้วด้วยตัณหา ไม่เพลิดเพลินแล้วด้วยตัณหา ถ้าเสวยทุกขเวทนา... อทุกขมสุขเวทนา ก็รู้ว่าทุขเวทนานั้น.... อทุกขมสุขเวทนานั้นไม่เที่ยง ไม่ยึดถือ... ไม่เพลิดเพลินด้วยตัณหา ภิกษุนั้น ถ้าเสวยสุขเวทนา... ทุกขมเวทนา อทุกขมสุขเวทนาก็วางเฉยเสวยไป... เมื่อเสวยเวทนาที่ปรากฏ ทางกาย ก็รู้ชัดว่า เราเสวยเวทนาที่มีกายเป็นที่สุด เมื่อเสวยเวทนาที่ปรากฏทางชีวิต ก็รู้ชัดว่าเราเสวยเวทนาที่มีชีวิตเป็นที่สุด รู้ชัดว่าเวทนาทั้งปวงอันตัณหาไม่เพลิดเพลินแล้ว จักเป็นของเย็น สรีรธาตุจักเหลืออยู่ในโลกนี้เท่านั้น ตั้งแต่สิ้นชีวิตเพราะความแตกแห่งกาย”
ปริวีมังสนสูตร นิ. สํ. (๑๙๒)
ตบ. ๑๖ : ๙๙-๑๐๐ ตท. ๑๖ : ๙๑
ตอ. K.S. II : ๕๗-๕๘
ป้ายกำกับ:
พระพุทธศาสนาจากพระโอษฐ์
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น