ไม่พบทุกข์ ไม่เห็นธรรม แล้วจะรอให้พบทุกข์ไปทำไม เร่งหาธรรม มาดับก่อนพบทุกข์

ผู้ติดตาม

เรื่อง กรรมฐานรักษาโรคหอบหืด

:: ภาคกฎแห่งกรรม ::                                                          เรื่อง กรรมฐานรักษาโรคหอบหืด
                                                                                      โดย พระธเนศ หิตกาโม

เมื่อประมาณวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ อาตมาซึ่งในขณะนั้นยังอยู่ในเพศฆราวาส ได้มีโอกาสเข้ามาฝึกวิปัสสนากรรมฐานถือศีลแปด ที่สำนักวิปัสสนากรรมฐานวัดอัมพวันอยู่ ๑๑ วัน เพราะโยมอาผู้หญิงของอาตมาได้ชักชวนมาเพื่อให้รักษาโรคประจำตัวของอาตมา ที่ทำให้ต้องทนทุกข์ทรมานมาเป็นเวลาถึง ๔ ปี โรคนั้นคือ โรคหอบหืด

        อาตมาพยายามรักษาทุกวิถีทาง ทั้งยาแผนปัจจุบันและยาแผนโบราณ ทั้งยาจีนและยาไทย อาตมาทดลองรักษามาหมดแล้ว แต่อาการของโรคก็ไม่ดีขึ้นเลย กลับทรุดหนักลงเรื่อย ๆ จนถึงขึ้นทำให้ต้องเข้าห้องไอซียูเมื่อปี ๒๕๓๖ อยู่หลายครั้ง (ประมาณ ๓ ครั้ง) และเปลี่ยนโรงพยาบาลอยู่หลายแห่ง เอกซเรย์รักษาโรคอยู่หลายหน (ประมาณ ๑๐ ครั้ง) ก็ปรากฎว่าไม่เคยพบเห็นอะไรที่ผิดปกติ แต่หมอก็ไม่สามารถหาวิธีที่จะรักษาโรคร้ายนี้ได้


     ทุกวันประมาณตี ๑ ถึงตี ๒ อาตมาต้องลุกขึ้นมาพ่นย่าเพื่อขยายหลอดลม และทานยาควบคุมอยู่เสมอ ไม่สามารถหยุดทานยาได้ หยุดทานยาเมื่อไรอาการกำเริบเมื่อนั้น และถ้าบางคืนยาไม่สามารถรักษาได้ ตอนเช้าก็ต้องไปฉีดยารักษาอีก อาตมาต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ตลอดมา จนไม่มีกำลังใจ ท้อแท้ต่อชีวิต และคิดว่าคงอีกยาวนานกว่าที่จะได้รักษาโรคนี้ได้ หรืออาจจะไม่มีทางรักษาให้หายได้เลย
จนกระทั่งโยมอาของอาตมาซึ่งเป็นลูกศิษย์ของ หลวงพ่อจรัญ ได้พยายามชักชวนอาตมาให้มาปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานแก้กรรมที่ตัวเองได้สร้างไว้แต่ในครั้งอดีต เผื่อว่ามีบุญกุศลเพียงพอจะได้ช่วยให้อาการป่วยเรื้อรังนี้ทุเลาลงได้ โยมเอาพยายามชวนอาตมาเป็นเวลา ๑ ปี จึงทำให้อาตมายอมมาปฏิบัติธรรม

      เมื่ออาตมาเข้ามาปฏิบัติแล้ว ก็พยายามปฏิบัติตามที่อาจารย์ผู้สอนแนะนำ ตอนแรกตั้งใจว่าจะอยู่เพียง ๔ วัน แต่เมื่อผ่านพ้นไปแล้ว ก็ปรากฎว่าอาการของอาตมาดีขึ้น โดยปกติตอนกลางคืนต้องพ่นยา แต่ในคืนนั้นอาตมาไม่ต้องพ่นยาก็อยู่ได้ ตื่นขึ้นมาก็รู้สึกปลอดโปร่งโล่งไปหมด ก็มีกำลังใจและมั่นใจในการปฏิบัติมากขึ้น จึงไปขอแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ผู้รับลงทะเบียนว่าจะขออยู่ต่ออีก ๗ วันขณะ ที่อยู่ในช่วงการปฏิบัตินั้น มีโอกาสได้ฟังธรรมจากคำสอนของหลวงพ่อ ทำให้อาตมามีจิตศรัทธาอย่างแรงกล้า จึงคิดว่าจะอุปสมบทที่วัดอัมพวัน จนเมื่ออาตมาลาศีลเรียบร้อย จึงมุ่งไปขอสมัครบวชในวันลาศีลนั้นเลย

อาตมาได้บวชเมื่อวันที่ ๑๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๗ และตั้งใจจะบวช ๓ เดือน แต่เมื่อบวช
 ได้ครบ ๑ เดือน ก็ปรากฎว่าพระเพื่อนที่บวชรุ่นเดียวกัน จำนวน ๑๕ องค์ ก็คิดจะขอลาบวช จึงเข้าไปพบหลวงพ่อเพื่อขอลา และขอโอวาทเป็นแนวทางในการดำรงชีวิตในเพศฆราวาสต่อไป อาตมาจึงได้ตามไปฟังในวันนั้นด้วย
คืนนั้นอาตมาจำได้แม่นยำ เพราะต้องนั่งรอหลวงพ่อตั้งแต่เวลา ๓ ทุ่ม แต่หลวงพ่อมีภารกิจเร่งด่วน และสำคัญที่จะต้องทำให้เรียบร้อยเสียก่อน จึงลงมาพบได้ก็เมื่อเวลาประมาณตี ๑ ครึ่ง หลวงพ่อท่านให้พร และให้โอวาทอยู่นานจนเวลาล่วงเลยไปถึงประมาณตี ๒ กว่า อาตมาก็รู้สึกว่าโรคหืดหอบกำลังจะกำเริบอย่างรุนแรง เพราะว่าแน่นหน้าอกไปหมด หายใจไม่ออก เหงื่อก็ออกท่วมตัว ทั้ง ๆ ที่คืนนั้นอากาศเย็น อาตมาพยายามฝืนฟังธรรมะของหลวงพ่อ แต่มันก็ไม่สามารถทนได้ อาการหืดหอบได้รุนแรงขึ้นมาก หลวงพ่อจึงรีบให้ลูกศิษย์ที่อยู่ใกล้เคียงท่านไปนำยาลมที่ท่านใช้อยู่ประจำมาให้ อาตมาจึงค่อยคลายจากอาการทุรนทุราย
เมื่ออาการดีขึ้นแล้ว หลวงพ่อจึงบอกกับอาตมาว่าโรคที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ เป็นโรคของกฎแห่งกรรม ยาที่ท่านให้หรือจะไปรักษาอย่างไรก็ไม่สามารถจะรักษาให้หายได้ นอกเสียจากจะปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเพื่อรักษาตัวเอง เป็นหนทางเดียวเท่านั้น หลวงพ่อจึงส่งให้เข้าเก็บอารมณ์เป็นเวลา ๗ วัน ณ ห้องเก็บอารมณ์เขตสวนป่าภาวนา
จากวันนั้นอาการต่าง ๆ ของอาตมาก็เริ่มดีขึ้น ยาที่ใช้ก็สามารถลดจำนวนลงได้เรื่อย ๆ จนกระทั่งในที่สุดเมื่อออกพรรษาแล้ว ๑๐ วัน อาการของโรคหืดหอบที่หมอไม่รักษาให้หายได้ กลับหายได้ด้วย การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน อาตมาไม่ต้องพ่นยา ไม่ต้องทานยา และไม่ต้องทุกข์ทรมานอีกแล้ว
ปัจจุบันนี้อาตมาซึ้งในในการ ปฏิบัติธรรม ที่สามารถแก้ไขกฎแห่งกรรมของอาตมา และรักษาโรคที่ทำให้ต้องทรมานอยู่เป็นเวลาถึง ๔ ปีให้หายได้ และเพราะบุญคุณอันยิ่งใหญ่ของหลวงพ่อท่าน ได้ให้ทางแห่งแสงสว่างที่ถูกต้องแก่อาตมา อาตมาจะขอรับใช้หลวงพ่อไปจนกว่าจะหมดบุญวาสนาที่จะอยู่ในเพศอันสูงส่งนี้ได้
---------- จบ ----------

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น