ป้ายกำกับ
- กฏแห่งกรรม (140)
- ชาดก (162)
- พทุธประวัติ (20)
- พระพุทธศาสนาจากพระโอษฐ์ (145)
- พระอริยสงฆ์ (4)
- ร่มไทร (11)
- วันสำคัญทางศาสนา (8)
- อานิสงส์ผลบุญ (40)
ผู้ติดตาม
เรื่อง สติปัฏฐาน ๔ วัดอัมพวัน สิงห์บุรี ให้ดิฉันเกินกว่าตีค่าเป็นตัวเลขได้
:: ภาคกฏแห่งกรรม :: เรื่อง สติปัฏฐาน ๔ วัดอัมพวัน สิงห์บุรี ให้ดิฉันเกินกว่าตีค่าเป็นตัวเลขได้
โดย อรวรรณ ตั้งโชคดี
ดิฉันได้อ่านหนังสือกฎแห่งกรรม - ธรรมปฏิบัติบางเล่ม ที่ได้รับความเอื้อเฟื้อจากคุณบุญส่ง อินทรัตน์ รวมไปถึง มาบอกให้ฝึกนั่งสมาธิ สวดมนต์ด้วยหนังสือคู่มือสวดมนต์ของวัดอัมพวัน สิงห์บุรี ให้ได้ทุกวันเช้าค่ำ แล้วทุกอย่างจะดีเอง
ต่อมวันที่ ๓ - ๔ ตุลาคม ๒๕๓๕ อาจารย์นฤมล ว่องไว เป็นหัวหน้ากลุ่ม นำคณะครูอาจารย์ และผู้ศรัทธาไปกราบหลวงพ่อเจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคล ที่สิงห์บุรี ดิฉันก็ได้โอกาสติดตามไปด้วยในกลุ่มนี้ และได้รับความเมตตาจากหลวงพ่อเจ้าคุณฯ ให้เข้าพบทั้งคณะ ให้ศีลให้พร แผ่เมตตาให้ด้วยความกรุณาปราณี ทำให้คณะครูอาจารย์ทั้งหมดที่ไป รวมทั้งดิฉันเองในวันนั้นรู้สึกว่า หลวงพ่อเจ้าคุณฯ ให้การต้อนรับเหมือนญาติรู้จักกันมาสักร้อยปี ทั้ง ๆ ที่เพิ่งไปกราบหลวงพ่อท่านเจ้าคุณฯ เป็นครั้งแรกในวันดังกล่าว แม้จะเป็นช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เพราะหลวงพ่อมีเวลาน้อย ติดกิจ งานปลุกคนให้ตื่น สอนคนให้เป็นงาน แทบไม่มีเวลาเว้นว่างเลยจริง ๆ
ดิฉันปักใจแน่ว่า ขอกลับมาวัดอัมพวันอีกครั้ง ปฏิบัติธรรมแก้กรรม ๗ วัน ให้จงได้ พอถึงวันจะไปวัดอัมพวันเข้าจริง ๆ วันที่ ๗ พ.ย. ๓๕ เกิดเหตุขัดข้องหนักหน่วงขึ้นอีก เงินขาดมือ ไม่มีเงินพอจะไป ดิฉันไม่ละความพยายาม สวดมนต์อธิษฐานรำลึกถึงหลวงพ่อเจ้าคุณ พระราชสุทธิญาณมงคล ขอให้ลูกได้ไปปฏิบัติธรรม ด้วยเถิด แล้วอยู่ ๆ ชั่ววันเดียวก่อนไป มีลูกค้ามาอุดหนุนให้ทำผมสารพัดอย่างได้เงินพอเหมาะพอดี สำหรับค่าใช้จ่ายจะเดินทางไปกับขบวนรถของคณะครูอาจารย์จากโรงเรียนขามแก่นนคร และโรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย
แล้วก็เข้าตำรา มารไม่แก่ บารมีไม่กล้า เกิดเหตุเข้ากับดิฉันจนได้ อยู่ได้ ๓ วันเท่านั้น ได้รับเมตตาจากคุณบุญส่ง - คุณพรศรี อินทวิรัตน์ แจ้งผ่านไปทางหลวงพ่อเจ้าคุณฯ วัดอัมพวัน ว่า ด.ญ.วาสนา ตั้งโชคดี บุตรของดิฉัน ที่ฝากยายอยู่ที่มุกดาหารป่วยหนักเข้าโรงพยาบาลมุกดาหาร ดิฉันรีบกลับมุกดาหาร โดยหลวงพ่อเจ้าคุณฯ และหัวหน้าแม่ชีวัดอัมพวัน ฝากรถที่จะเข้ากรุงเทพฯ ให้มาต่อรถที่บางปะอิน
พอถึงมุกดาหารพบบุตรสาวอยู่ในอาการโคม่า อาการขั้นสุดท้าย ดิฉันหมดที่พึ่ง นึกอะไรไม่ออก มืดไปหมด ดิฉันมาโทรศัพท์ทางไกล ร้องไห้โฮโฮพูดกับคุณบุญส่ง อินทวิรัตน์
คุณบุญส่งแนะนำให้รำลึกถึงหลวงพ่อเจ้าคุณฯ วัดอัมพวัน และในเวลาถัดมาเพียง ๑๕ นาทีเท่านั้น หลวงพ่อเจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคลก็รู้อาการป่วยบุตรของดิฉัน ท่านได้แผ่เมตตาด้วยกระแสบุญญาบารมีแรงกล้าส่งพุ่งไปถึง ด.ญ.วาสนา บุตรสาวของดิฉันที่มุกดาหาร
ดิฉันใจสั่นขวัญระทึกอยู่ที่มุกดาหาร รำลึกถึงหลวงพ่อเจ้าคุณฯ วัดอัมพวัน ตลอดเวลา ผลปรากฏว่า ลูกสาวของดิฉันซึ่งอาการขั้นสุดท้าย ตายไปแล้วนั้น พลันได้รับความช่วยเหลือจากแพทย์ รพ.มุกดาหารสุดฝีมือ สุดความสามารถอีกครั้ง หายใจเฮือก รอดตาย ฟื้นขึ้นมาได้ค่ะ ลูกสาวของดิฉันอายุ ๑๐ ขวบ กับ ๑ เดือน รอดตายขึ้นมาอย่างปาฏิหาริย์
ดิฉันและสามีนำลูกสาวออกจากโรงพยาบาลมุกดาหารมารักษาต่อที่โรงพยาบาลศูนย์แพทย์ขอนแก่นเรียบร้อยแล้ว ก็กลับบ้าน ตั้งใจจะอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจะไปเฝ้าลูกสาวต่อไป เพราะเหน็ดเหนื่อยมาหลายวันแทบจะเดินไม่ไหว พอเปิดประตูเข้าบ้าน ฉับพลันดิฉันก็ขนลุกทั้งตัว น้ำตาแห่งความปลื้มปีติไหลเอ่อคลอเบ้าตา กลิ่นหอมดอกไม้นานาพันธุ์ กลิ่นธูปควันเทียนคลุ้งจรุงหอมชื่น ด้วยกระแสลมที่โบกโชยเข้ามาทางด้านหลังบ้าน ดิฉันพนมมือไหว้รำพึงว่า ขอบคุณคุณแม่กาหลง ลูกทราบแล้วว่า คุณแม่กาหลงติดตามมาดูแลช่วยหลวงพ่อเจ้าคุณฯ วัดอัมพวันตลอดเวลา ดิฉันทราบแล้วค่ะ
ดิฉันได้เล่าเรื่องบางส่วนที่ได้สัมผัสกับสติปัฏฐาน ๔ ทางสายเอกของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ดิฉันเข้าไปรับการฝึกฝนมา แม้เพียงชั่วช้างกระดิกหู ก็ให้คุณค่าต่อชีวิตชนิดที่ไม่อาจจะตีค่าเป็นตัวเลขได้ มันหาค่าบ่มิได้นั่นเองค่ะ
ท่านที่ประสบชะตากรรมเลยร้าย มืดแปดทิศแปดทาง อย่าคิดสั้น นะคะ ขอแนะนำว่า ให้ทดลอง ถ้ายังไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร ไปลองฝึกปฏิบัติธรรม แก้กรรมด้วยหลักสติปัฏฐาน ๔ ยืน นั่ง เดิน นอน ด้วยมีสติ กำหนดรู้ได้ไล่ทัน แยกแยะให้ออก อันไหนเป็นอดีต อันไหนเป็นปัจจุบัน ทำงานบ้านอยู่ก็ฝึกสติปัฏฐาน ๔ ได้ ทำราชการอยู่ ทำอาชีพใด ๆ อยู่ก็ฝึกสติปัฏฐาน ๔ ได้ ทำได้ทุกอิริยาบถ เพราะทางสายนี้เป็นทางสายเอกแท้จริง ทางนี้เดินมาเถิดไม่หลงทางแน่ขอให้เชื่อมั่น ศรัทธามั่น ตั้งใจมั่นแน่วแน่ มาปฏิบัติกรรมฐานแก้กรรมกันที่วัดอัมพวัน สิงห์บุรี วัดนี้ไม่เรี่ยไรบอกบุญ มีแต่ให้และให้และให้ มาเถิด ที่นี่ร่มเย็นสันติสุข
โดย อรวรรณ ตั้งโชคดี
ดิฉันได้อ่านหนังสือกฎแห่งกรรม - ธรรมปฏิบัติบางเล่ม ที่ได้รับความเอื้อเฟื้อจากคุณบุญส่ง อินทรัตน์ รวมไปถึง มาบอกให้ฝึกนั่งสมาธิ สวดมนต์ด้วยหนังสือคู่มือสวดมนต์ของวัดอัมพวัน สิงห์บุรี ให้ได้ทุกวันเช้าค่ำ แล้วทุกอย่างจะดีเอง
ต่อมวันที่ ๓ - ๔ ตุลาคม ๒๕๓๕ อาจารย์นฤมล ว่องไว เป็นหัวหน้ากลุ่ม นำคณะครูอาจารย์ และผู้ศรัทธาไปกราบหลวงพ่อเจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคล ที่สิงห์บุรี ดิฉันก็ได้โอกาสติดตามไปด้วยในกลุ่มนี้ และได้รับความเมตตาจากหลวงพ่อเจ้าคุณฯ ให้เข้าพบทั้งคณะ ให้ศีลให้พร แผ่เมตตาให้ด้วยความกรุณาปราณี ทำให้คณะครูอาจารย์ทั้งหมดที่ไป รวมทั้งดิฉันเองในวันนั้นรู้สึกว่า หลวงพ่อเจ้าคุณฯ ให้การต้อนรับเหมือนญาติรู้จักกันมาสักร้อยปี ทั้ง ๆ ที่เพิ่งไปกราบหลวงพ่อท่านเจ้าคุณฯ เป็นครั้งแรกในวันดังกล่าว แม้จะเป็นช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เพราะหลวงพ่อมีเวลาน้อย ติดกิจ งานปลุกคนให้ตื่น สอนคนให้เป็นงาน แทบไม่มีเวลาเว้นว่างเลยจริง ๆ
ดิฉันปักใจแน่ว่า ขอกลับมาวัดอัมพวันอีกครั้ง ปฏิบัติธรรมแก้กรรม ๗ วัน ให้จงได้ พอถึงวันจะไปวัดอัมพวันเข้าจริง ๆ วันที่ ๗ พ.ย. ๓๕ เกิดเหตุขัดข้องหนักหน่วงขึ้นอีก เงินขาดมือ ไม่มีเงินพอจะไป ดิฉันไม่ละความพยายาม สวดมนต์อธิษฐานรำลึกถึงหลวงพ่อเจ้าคุณ พระราชสุทธิญาณมงคล ขอให้ลูกได้ไปปฏิบัติธรรม ด้วยเถิด แล้วอยู่ ๆ ชั่ววันเดียวก่อนไป มีลูกค้ามาอุดหนุนให้ทำผมสารพัดอย่างได้เงินพอเหมาะพอดี สำหรับค่าใช้จ่ายจะเดินทางไปกับขบวนรถของคณะครูอาจารย์จากโรงเรียนขามแก่นนคร และโรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย
แล้วก็เข้าตำรา มารไม่แก่ บารมีไม่กล้า เกิดเหตุเข้ากับดิฉันจนได้ อยู่ได้ ๓ วันเท่านั้น ได้รับเมตตาจากคุณบุญส่ง - คุณพรศรี อินทวิรัตน์ แจ้งผ่านไปทางหลวงพ่อเจ้าคุณฯ วัดอัมพวัน ว่า ด.ญ.วาสนา ตั้งโชคดี บุตรของดิฉัน ที่ฝากยายอยู่ที่มุกดาหารป่วยหนักเข้าโรงพยาบาลมุกดาหาร ดิฉันรีบกลับมุกดาหาร โดยหลวงพ่อเจ้าคุณฯ และหัวหน้าแม่ชีวัดอัมพวัน ฝากรถที่จะเข้ากรุงเทพฯ ให้มาต่อรถที่บางปะอิน
พอถึงมุกดาหารพบบุตรสาวอยู่ในอาการโคม่า อาการขั้นสุดท้าย ดิฉันหมดที่พึ่ง นึกอะไรไม่ออก มืดไปหมด ดิฉันมาโทรศัพท์ทางไกล ร้องไห้โฮโฮพูดกับคุณบุญส่ง อินทวิรัตน์
คุณบุญส่งแนะนำให้รำลึกถึงหลวงพ่อเจ้าคุณฯ วัดอัมพวัน และในเวลาถัดมาเพียง ๑๕ นาทีเท่านั้น หลวงพ่อเจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคลก็รู้อาการป่วยบุตรของดิฉัน ท่านได้แผ่เมตตาด้วยกระแสบุญญาบารมีแรงกล้าส่งพุ่งไปถึง ด.ญ.วาสนา บุตรสาวของดิฉันที่มุกดาหาร
ดิฉันใจสั่นขวัญระทึกอยู่ที่มุกดาหาร รำลึกถึงหลวงพ่อเจ้าคุณฯ วัดอัมพวัน ตลอดเวลา ผลปรากฏว่า ลูกสาวของดิฉันซึ่งอาการขั้นสุดท้าย ตายไปแล้วนั้น พลันได้รับความช่วยเหลือจากแพทย์ รพ.มุกดาหารสุดฝีมือ สุดความสามารถอีกครั้ง หายใจเฮือก รอดตาย ฟื้นขึ้นมาได้ค่ะ ลูกสาวของดิฉันอายุ ๑๐ ขวบ กับ ๑ เดือน รอดตายขึ้นมาอย่างปาฏิหาริย์
ดิฉันและสามีนำลูกสาวออกจากโรงพยาบาลมุกดาหารมารักษาต่อที่โรงพยาบาลศูนย์แพทย์ขอนแก่นเรียบร้อยแล้ว ก็กลับบ้าน ตั้งใจจะอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจะไปเฝ้าลูกสาวต่อไป เพราะเหน็ดเหนื่อยมาหลายวันแทบจะเดินไม่ไหว พอเปิดประตูเข้าบ้าน ฉับพลันดิฉันก็ขนลุกทั้งตัว น้ำตาแห่งความปลื้มปีติไหลเอ่อคลอเบ้าตา กลิ่นหอมดอกไม้นานาพันธุ์ กลิ่นธูปควันเทียนคลุ้งจรุงหอมชื่น ด้วยกระแสลมที่โบกโชยเข้ามาทางด้านหลังบ้าน ดิฉันพนมมือไหว้รำพึงว่า ขอบคุณคุณแม่กาหลง ลูกทราบแล้วว่า คุณแม่กาหลงติดตามมาดูแลช่วยหลวงพ่อเจ้าคุณฯ วัดอัมพวันตลอดเวลา ดิฉันทราบแล้วค่ะ
ดิฉันได้เล่าเรื่องบางส่วนที่ได้สัมผัสกับสติปัฏฐาน ๔ ทางสายเอกของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ดิฉันเข้าไปรับการฝึกฝนมา แม้เพียงชั่วช้างกระดิกหู ก็ให้คุณค่าต่อชีวิตชนิดที่ไม่อาจจะตีค่าเป็นตัวเลขได้ มันหาค่าบ่มิได้นั่นเองค่ะ
ท่านที่ประสบชะตากรรมเลยร้าย มืดแปดทิศแปดทาง อย่าคิดสั้น นะคะ ขอแนะนำว่า ให้ทดลอง ถ้ายังไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร ไปลองฝึกปฏิบัติธรรม แก้กรรมด้วยหลักสติปัฏฐาน ๔ ยืน นั่ง เดิน นอน ด้วยมีสติ กำหนดรู้ได้ไล่ทัน แยกแยะให้ออก อันไหนเป็นอดีต อันไหนเป็นปัจจุบัน ทำงานบ้านอยู่ก็ฝึกสติปัฏฐาน ๔ ได้ ทำราชการอยู่ ทำอาชีพใด ๆ อยู่ก็ฝึกสติปัฏฐาน ๔ ได้ ทำได้ทุกอิริยาบถ เพราะทางสายนี้เป็นทางสายเอกแท้จริง ทางนี้เดินมาเถิดไม่หลงทางแน่ขอให้เชื่อมั่น ศรัทธามั่น ตั้งใจมั่นแน่วแน่ มาปฏิบัติกรรมฐานแก้กรรมกันที่วัดอัมพวัน สิงห์บุรี วัดนี้ไม่เรี่ยไรบอกบุญ มีแต่ให้และให้และให้ มาเถิด ที่นี่ร่มเย็นสันติสุข

สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น