ไม่พบทุกข์ ไม่เห็นธรรม แล้วจะรอให้พบทุกข์ไปทำไม เร่งหาธรรม มาดับก่อนพบทุกข์

ผู้ติดตาม

เรื่อง พระพุทธรูปเป็นเหตุ

:: ภาคกฏแห่งกรรม :: เรื่อง พระพุทธรูปเป็นเหตุ
โดย พระภาวนาวิสุทธิคุณ

มีคนมาถามอาตมาเรื่องพระพุทธรูปให้โทษ ของเก่าของแก่สวยงามให้โทษอย่างไร มีข้อพิสูจน์ประการใด ข้อเท็จจริงอาตมาไม่เคยเชื่อ พระพุทธรูปคงไม่ให้โทษ แต่มันมีเหตุการณ์เกิดขึ้น เพราะเหตุผลประการใด มีอะไรเป็นข้อพิสูจน์ว่าพระพุทธรูปให้โทษ อาตมาเป็นคนไม่เชื่อต้องพิสูจน์ เมื่อสมัยที่อาตมายังไม่เป็นเจ้าอาวาสที่วัดนี้ ยังอยู่วัดพรหมบุรี (วัดกุฎีลอย) ตอนนั้นนั่งเจริญกรรมฐานมาพอสมควรแล้ว เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๔-๒๔๙๕

มีพระพุทธรูปองค์หนึ่ง ปางสุโขทัย เก่าแก่สวยงามมาก อายุ ๗๐๐-๘๐๐ ปี มีรูอยู่ที่แท่น เป็นของเจ๊เป้า จังหวัดสิงห์บุรี เมื่ออาตมาอยู่โรงเรียน เจ๊เป้าทอดกล้วยแขกขาย อาตมาไปอาศัยกล้วยแขกเขาทานจึงเรียกเจ๊ เมื่อก่อนยากจน ต่อมามีครอบครัวเป็นร้านช่างทอง มีลูก ๓ คน เป็นด็อกเตอร์หมดแล้ว อาตมาส่งให้ไปเรียนฝรั่งเศสจบด็อกเตอร์มา เดี๋ยวนี้เป็นผู้พิพากษาอยู่ที่กระทรวงแล้ว เจ๊เป้าเขาเรียกอาตมาว่าหลวงน้า เรียกแทนลูกเขา เขาบอกว่า "หลวงน้าคะ พระองค์นี้พิกล ดิฉันสองคนกับเถ้าแก่ไม่เคยทะเลาะกัน พอถึงเวลา ๕ โมงเย็น ทะเลาะกันเชียว" แปลกดีนะ ทะเลาะกันเป็นเวลา เขาบอกว่าพอถึง ๕ โมงเย็น ใจคอไม่ดี หงุดหงิดมาก ไปดูพระพุทธรูปที่เช่าไว้ไม่สบายใจ หลวงน้าช่วยดูพระองค์นี้ให้หน่อย อาตมาก็ดูนะ ดีนี่ สวย เก่าแก่ สมัยสุโขทัย ยิ้มเสียด้วยซิ สวย คิ้วต่อคอปล้อง แต่มีรูที่ฐาน อาตมาก็บอกเจ๊ว่า "เจ๊ ตอน ๕ โมงทะเลาะกันนี้ หิวข้าวหรือไง ก็ทานข้าวเสียตั้งแต่ ๔ โมงซิ" พอทานข้าว ๔ โมง ๕ โมง ก็ทะเลาะกันอีกแล้ว

"เอ๊ะ! ยังงั้นทานข้าวเสียบ่ายโมงเป็นยังไง บางทีทานตอน ๔ โมงอาจจะอึดอัดไปถึง ๕ โมง ลมขึ้นถึงได้ทะเลาะกัน เปลี่ยนทานบ่ายโมงก็ยังทะเลาะ

"เอาอย่างนี้เถอะเจ๊ เลิกทาน ๕ โมง ๒ ทุ่มค่อยทาน" เขาบอก "หลวงน้าพอเปลี่ยนเวลาทาน ๒ ทุ่ม พอ ๕ โมง แล้วทะเลาะกันถึง ๒ ทุ่มเลย" เลยไม่ต้องทานข้าวเลยคืนนั้น ทะเลาะกันเป็นเวลามีประโยชน์ดี แต่เขาก็ไม่เคยนั่งกรรมฐาน สวดมนต์ก็ไม่เป็น สวดอรหัง ตั้งแต่อยู่โรงเรียน สามีเป็นคนจีนนอกอยู่ไทงั้ง นครแต้จิ๋ว อาตมาไปสวดมนต์ที่เมืองจีนยังไปบ้านเขาเลย มันเป็นเรื่องน่าคิด อาตมาไม่เคยพบเลยว่าทะเลาะเป็นเวลา แต่ก็ยังไม่เชื่อแน่ว่าเป็นเพราะพระพุทธรูป
อาตมาบอก "เจ๊ขอยืมหน่อยได้ไหม เจ๊เช่าเขาไปเท่าไรล่ะ" "หนึ่งพันบาทค่ะ"
"เอ๊ะ ถูกดีนี่"

เป็นพระเนื้อสัมฤทธิ์ สุโขทัย สวยงามมาก และลวดลายเรียบร้อย ขนาด ๑๒ นิ้ว แต่มีรูที่ฐานเท่านั้น ดูพระองค์นี้แบบไสยศาสตร์ พุทธังอาราธนานัง ธัมมังอาราธนานัง สังฆังอาราธนานัง ก็ว่ากันไปตามคาถา ขนหัวลุก เอ๋! ขลังดีนี่ องค์นี้ขลังดี



อาตมาก็ขอยืมพระสุโขทัยองค์นั้นมา ๑๐ วัน ก็มาสวดมนต์ไหว้พระ นั่งวิปัสสนา และก็แผ่เมตตา บอกเทพที่สิงอยู่ในองค์พระพุทธรูปสุโขทัยนี้ ขอให้ดลบันดาลหาเหตุผลว่า ทำไมเจ๊ที่เช่าไว้นี้จึงต้องทะเลาะกัน จะต้องหาเหตุผลให้ได้ อาตมาก็อาราธนาเทพที่สิงองค์พระ และแผ่เมตตาอย่างที่โยมทำกรรมฐานนี้ เจริญกรรมฐานนี่แหละ แผ่เมตตาให้ทุกวัน ๆ ต่อมา อาตมาก็ไปตลาดสิงห์บุรี เจ๊ก็เรียกและบอกว่าหลวงน้าพิสูจน์ได้หรือยัง ว่าพระนี้เป็นกาลกิณีหรืออย่างไร ถ้าหากพระไม่ดี ฉันถวายเลยนะ อยู่มาเกิน ๑๐ วันแล้วก็บอกเจ๊ขอยืมต่อ ฝ่ายเถ้าแก่บอกไม่ต้องต่อหรอกถวายท่านไปเลย อาตมาบอกไม่ใช่อยากได้แต่จะขอพิสูจน์ อาตมาก็พิสูจน์ต่อไป ก็อาราธนาพระไว้เรื่อย ๆ ได้ผลออกมาเลย หาต้นตอได้ ขอฝากญาติโยมไว้ด้วยสมมติว่าจะเป็นวัตถุอะไรก็ตาม ได้มาเป็นอย่างไรบ้าง ขอให้โยมนั่งกรรมฐานแผ่เมตตาให้วัตถุนี้ เผื่อจะมีเทพสิงสถิตอยู่บ้างเป็นของเก่า ทรัพย์สมบัติของปู่ย่าตายายที่ให้ไว้ จะเป็นกาลกิณีอย่างไร เดี๋ยวจะบอก หาต้นตอได้ แหม! พระพุทธเจ้าลึกซึ้งเหลือเกิน มีเหตุผล อาตมาก็อาราธนาไว้ทุกวัน อยู่มาวันหนึ่ง คนที่วัดหัวบึงหลัง อำเภออินทร์ออกไปหลายสิบกิโลเมตร เขาได้เล่าลือว่า อาตมาเทศน์มหาชาติเก่ง เทศน์กัณฑ์มัทรี เทศน์แล้วคนสลบเลย ไม่ใช่มัทรีหลับ คนฟังสลบ เมื่อสมัยหนุ่ม ๆ นะโยม เขาร่ำลือกันนักว่า พระจรัญ วัดกุฎีลอย เทศน์มัทรีเก่งนัก เขาเลยมานิมนต์อาตมาให้ไปเทศน์ที่วัดหัวบึง วัดหัวบึงอยู่หลังอำเภออินทร์บุรี ออกไปหลายสิบกิโลเมตร ตอนนั้นถนนเอเชียยังไม่มี อาตมาต้องไปมอเตอร์ไซค์ นั่งเรือยนต์ไปจอดที่อำเภออินทร์ แล้วให้เขาเอามอเตอร์ไซค์มารับ นั่งท้ายมอเตอร์ไซค์ไปอีก ๑๕ กิโลเมตร ออกไปกลางทุ่ง เป็นวัดสร้างใหม่ธรรมยุต อาตมาก็รู้จักกับสมภารดีด้วย แต่ไม่รู้จักเจ้าภาพ

เจ้าภาพเขาเกิดสังหรณ์ใจ อยากนิมนต์พระจรัญองค์นี้ เขาลือกัน นี่เกิดจากเทพสิงสถิตในพระองค์นี้นะ พอเรือจอดอำเภออินทร์แล้ว ก็นั่งท้ายมอเตอร์ไซค์ เอาคัมภีร์ใส่ย่าม เทศน์มัทรีเดินคาถาด้วย ตอนนั้นพูดแล้วจะหาว่าคุย ตอนนี้มันแก่แล้ว เลิกเทศน์หลายสิบปีแล้ว ตอนนี้เสียงไม่เพราะ

คนขับมอเตอร์ไซค์ ขับไปถึงบ้านหลังหนึ่งก็บอกว่า แวะบ้านนี้ก่อนเถอะ บ้านนี้ใจดีจัง เดี๋ยวผมจะไปส่งข่าวเจ้าภาพก่อน เจ้าภาพกับอาตมาก็ไม่รู้จักกันเลยนะ แต่ก็ทำให้ดลบันดาลมานิมนต์อาตมาไป อาตมาก็บอกบ่า "แวะทำไมล่ะ ไม่รู้จักเขา เขาก็บอกว่า แวะเถอะน่า เดี๋ยวผมจะไปส่งข่าวที่วัด อีกครึ่งกิโลก็ถึงแล้ว"
"เอ้า! แวะเป็นแวะ" มีสองตายาย ต้อนรับน้ำร้อนน้ำชา เลี้ยงอย่างดีและคุยดีมาก


โยมก็เล่าประวัติว่า ท่านครับ เมื่อก่อนนี้ผมบวช ๑๕ พรรษา เทศน์เก่งตั้งแต่ทศพรถึงนครกัณฑ์ ไม่มีใครทาบติด อยู่สุโขทัย สมัยนั้นเขานิยมเทศน์มหาชาติ เทศน์ทำนองหมด เทศน์ตามลานข้าว เทศน์ตามหมู่บ้าน เขานิยมมากและติดกัณฑ์เทศน์มาก ๆ ก็เล่าต่อไปเรื่อย ๆ ผมมาอยู่นี้มีลูก ๕ คน เป็นนายอำเภอ ๒ คน ไปรับราชการหมด อยู่กันสองคนตายายบ้านทรงไทยหลังใหญ่เลย อาตมาก็หันไปดูโต๊ะมุกบูชา ไม่มีพระบูชา ก็บอกโยม "ไม่มีพระบูชาหรือที่นี่"
"ไม่มีหรอกครับ"
"อาตมาให้องค์หนึ่งไหม ที่วัดมีเยอะ เขาทำพุทธาภิเษาที่วัดพิกุลทอง หลวงพ่อแพ อาตมาเช่ามา ๒ องค์จะให้องค์หนึ่ง"
"ไม่เอาหรอกครับ ไม่เอาแน่ ๆ" โยมผู้หญิงน้ำตาร่วงเลย อาตมาก็ถามไปว่า
"พระไปไหนเล่า" โยมก็เล่าประวัติว่า

"พระ คุณเจ้า ตอนผมบวช ๑๕ พรรษา ผมอยู่สุโขทัย ไปเทศน์มหาชาติ เทศน์ตามลานบ้าน ไปตามหมู่บ้าน พรหมพิราม เลยไปพิษณุโทรศัพท์เก่งประชัน ๒ ธรรมาสน์ องค์นั้นว่าแหล่นี้ องค์นี้ว่าแหล่นั้นก็ว่ากันไป"

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น